บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง หรือ TEKA ประกาศรายได้ปี 2566 อยู่ที่ 2,035.40 ลบ. เติบโต 5% จากปีก่อนมีรายได้ 1,933.03 ลบ. ด้านผู้บริหาร “ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์” เผยงบเติบโต แม้เผชิญภาวะตลาดกดดัน ระบุรายได้ปีก่อนโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 2 พันลบ. เผยตุนงานในมือ Backlog ณ วันที่ 31 ธ.ค.อยู่ที่ประมาณ 2,500 ลบ. พร้อมเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่บอร์ดใจดีประกาศจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.105 บาทต่อหุ้น  โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD คือ วันที่ 6 มีนาคม 2567 และจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567

TEKA เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการก่อสร้างสำหรับงวดปี 2566 จำนวน 2,035.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  5.30% จากปี 2565 มีรายได้อยู่ที่ 1,933.03 ล้านบาท โดยเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่ารายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างไว้ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ในปี 2566 มาจากการเติบโตของรายได้โครงการใหม่ และจากส่วนที่ต่อเนื่องมาจากความคืบหน้าของงานโครงการเดิมในปีก่อน เช่น DTGO Campus , The Line Phaholyothin TOWERC และ Enco Terminal (Enco) เป็นต้น อีกทั้งปริมาณงานโครงการก่อสร้างที่ดาเนินงานในช่วงปีปัจจุบันมากกว่าช่วงปีก่อน โดยเป็นผลจากปริมาณงานที่รอส่งมอบ (Backlog) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานก่อสร้างนี้

“บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญด้านคุณภาพงานที่ดี รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทฯ และสามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ตรงเวลา ซึ่งสะท้อนได้จากการที่บริษัทได้รับรางวัล ผู้รับเหมาก่อสร้างดีเด่น จาก Developer ชั้นนำของประเทศ ที่เชื่อมั่นในผลงานการก่อสร้างของบริษัท TEKA” ดร.วีระศักดิ์ กล่าว

สำหรับฐานะทางการเงินของ TEKA ถือว่า แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง มีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งด้านการเงินและไม่มีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในการดำเนินงาน ทำให้บริษัทมีความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ทั้งความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจทั้งจากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง รวมถึงทางบริษัทพร้อมที่จะขยายงาน เพิ่มทีมงาน และเตรียมเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

โดยในปี 2567 บริษัทพร้อมเข้าประมูลงานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการกระจายรายได้งานรับเหมาก่อสร้างไปในทุกกลุ่มงาน อาทิ เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงแรม โรงพยาบาลเอกชน คลังสินค้า เป็นต้น นอกจากงานกลุ่มอาคารที่พักอาศัย ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท เพื่อลดความเสี่ยงในด้านรายได้และสร้างความเติบโตให้กับบริษัท

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีโครงการที่กำลังก่อสร้างและอยู่ในระหว่างรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท

ดร.วีระศักดิ์  กล่าวเสริมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.105 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน  31.50 ล้านบาท  หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล ที่  41.14% ของกำไรสุทธิ  โดยกำหนดให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นที่มีมีสิทธิรับเงินปันผล (RECORD DATE ) เป็นวันที่  7 มีนาคม 2567  วันเดียวกับการกำหนดสิทธิผู้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567